Pop Mart Molly ความมั่งคั่ง 70,000 ล้านบาท ที่เริ่มต้นจากการถือกำเนิดของ น้องมอลลี (Molly)…“หวังนิน” (Wang Ning) CEO ของ “Pop Mart International Group” บริษัทของเล่นที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน โดยปัจจุบันมหาเศรษฐีหนุ่มวัยเพียง 36 ปีผู้นี้ เป็นเจ้าของความมั่งคั่งสุทธิ 2,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (74,791 ล้านบาท) จากการประเมินของ “ฟอร์บส์” (Forbes) ในปี 2023 ทั้งๆ ที่…บริษัทขายของเล่นน้องใหม่แห่งนี้เพิ่งมีอายุได้เพียง 13 ปีเท่านั้น! (ตั้งบริษัทเมื่อปี 2010) popmart central world
อะไรที่ทำให้ “หวังนิน” POP MART และ “Pop Mart” กลายเป็นบริษัทขายของเล่นที่ POP ท่ีสุดในยุคนี้ popmart thailand และมีร้านค้าอย่างเป็นทางการรวมกันมากกว่า 350 ร้าน ซึ่งครอบคลุมใน 23 ประเทศ และมีเครื่องขายกล่องสุ่มของเล่นอัตโนมัติ (Blind Box Toys) รวมกันมากกว่า 2,000 เครื่อง รวมทั้งยังมี “ฟิกเกอร์” ที่ใครหลายๆ คนกำลังวิ่งไล่ล่ากันอย่างเอาเป็นเอาตาย เพื่อหวังเก็บไว้ในตู้โชว์ให้ครบชุด เช่น น้อง Molly, Dimoo หรือ Skullpanda
จุดเริ่มต้นของ Pop Mart :
Pop Mart Molly “หวังนิน” เกิดที่มณฑลเหอหนาน จบการศึกษาระดับปริญญาโท ด้านการโฆษณา จากมหาวิทยาลัยเจิ้งโจว ในปี 2009 จากนั้นจึงได้เข้าไปทำงานที่ “ซีนา คอร์ปอเรชัน” (Sina Corporation) บริษัทด้านเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของประเทศจีน ซึ่งเป็นเจ้าของ “Weibo” เครือข่ายสังคมออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดของแดนมังกร
อย่างไรก็ดี หลังมีโอกาสเดินทางมาฮ่องกง และเกิดความประทับใจกับ “LOG-ON” เครือข่ายร้านค้าปลีกที่จำหน่ายสินค้าไลฟ์สไตล์หลากหลายชนิดที่กำลังอยู่ในกระแสความนิยมจากทั่วทุกมุมโลก “หวังนิน” จึงได้เกิดแรงบันดาลใจที่อยากจะเปิดธุรกิจแบบนี้ขึ้นในประเทศจีนบ้าง POP MART
ทำให้ในปี 2010 “หวังนิน” ซึ่งพยายามขายไอเดียธุรกิจ จนกระทั่งสามารถระดมเงินทุนจากบรรดาเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยมาได้ก้อนหนึ่ง จึงเปิดร้าน Pop Mart แห่งแรกขึ้นที่ “จงกวนชุน” (Zhongguancun) นครหนานหนิง ศูนย์รวม Startup ของประเทศจีนได้สำเร็จ
อย่างไรก็ดีการตั้งต้นทำธุรกิจโดยยึดโมเดลธุรกิจเช่นเดียวกับ “LOG-ON” ของ Pop Mart กลับไม่ราบรื่นอย่างที่คิด เนื่องจากประสบปัญหาในการบริหารงานมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการบริหารสินค้าคงคลัง, พนักงาน รวมไปจนกระทั่งถึงการให้บริการลูกค้า จนกระทั่งยากที่จะพบกับ “จุดคุ้มทุน” ด้วยเหตุนี้เจ้าของ Pop Mart จึงตัดสินใจไปเรียนหลักสูตร MBA ที่ Guanghua School of Management มหาวิทยาลัยปักกิ่ง เพื่อเป็นการเสริมความรู้ด้านการบริหารธุรกิจเพิ่มเติม
Turning Point :
จนกระทั่งในปี 2014 จึงได้เกิด “จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ” เมื่อ “หวังนิน” ได้วิเคราะห์ธุรกิจของตัวเองอย่างจริงจัง และได้พบว่า “มีสินค้าอยู่หมวดหนึ่งที่ Pop Mart ขายดีที่สุด” นั่นคือสินค้าหมวด “Art Toy” ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนถึง 30% ของยอดขาย Pop Mart ในเวลานั้น ซึ่งนำโดย “ซอนนี แองเจิล” (Sonny Angel) ฟิกเกอร์อาร์ตสุดร้อนแรงจากประเทศญี่ปุ่น popmart central world
ทำให้จากนั้นเป็นต้นมา Pop Mart จึงค่อยๆ ลดการขายสินค้าชนิดอื่นๆ และมุ่งโฟกัสไปที่การขายผลิตภัณฑ์ Art Toy ที่กำลังได้รับความนิยมเป็นหลัก!อย่างไรก็ดีหากมุ่งเน้นไปที่ “ขายของเล่น” เพียงอย่างเดียว คงไม่สามารถทำให้ Pop Mart มีทุกวันนี้ได้อย่างแน่นอน มันจึงทำให้ “หวังนิน” มองหา “จุดขายอันโดดเด่น” ที่จะทำให้เกิด “ความแตกต่าง” จาก “คู่แข่ง” popmart thailand
การค้นพบ เคนนี วอง และน้อง Molly
“ผมพบกับเธอ (น้อง Molly) หลังจากผมได้โพสต์ถามบรรดาผู้ติดตามของผมใน Weibo ว่า นอกจาก ซอนนี แองเจิล แล้ว พวกเขากำลังสะสม Art Toy อะไรกันบ้าง มากกว่าครึ่งหนึ่งในจำนวนนั้นตอบว่า พวกเขากำลังสะสมเธอ ผมจึงได้พยายามติดต่อกับศิลปินที่สร้างเธอขึ้นมา และผมก็ได้พบกับ เคนนี วอง และนั่นเองคือจุดเริ่มต้น” หวังนิน CEO Pop Mart กล่าว
เพื่อไปให้ถึงแนวคิดนี้ “หวังนิน” เข้าหาศิลปินชั้นนำทั่วโลกมากมาย เพื่อร้องขอให้มาช่วยออกแบบผลิตภัณฑ์ให้ ซึ่งหนึ่งในศิลปินที่โดดเด่น และสร้างปรากฏการณ์ให้กับ Pop Mart มากที่สุดคนหนึ่งในเวลานี้ คือ “เคนนี วอง” (Kenny Wong) ศิลปินผู้ออกแบบ “มอลลี” (Molly) ซีรีส์ของเล่นที่ขายดิบขายดี popmart central world
โดยในปี 2016 “หวังนิน” ลงทุนบินไปพบกับ “เคนนี วอง” ถึงฮ่องกง และเจรจาหว่านล้อมให้มาร่วมงานกับ Pop Mart ด้วยข้อเสนอที่สุดแสนท้าทายที่ว่า….“คุณต้องก้าวไปสู่เวทีที่ยิ่งใหญ่กว่านี้”หลังผ่านความพยายามในการเจรจานานร่วม 3 เดือน ในที่สุด Pop Mart จึงได้กลายเป็นผู้ผลิต และผู้ขาย น้อง Molly ในที่สุด และเพื่อให้ “เคนนี วอง” เกิดความสบายใจว่าผลงานของเขาจะมีคุณภาพก่อนถึงมือบรรดาผู้รักน้อง Molly “หวังนิน” จึงได้ทุ่มเงินลงทุนมากกว่า 1 ล้านหยวน (4,907,268 บาท) ซึ่งถือว่าสูงมากสำหรับมาตรฐานอุตสาหกรรม Art Toy ในเวลานั้น ในการพัฒนาและผลิตน้อง Molly ซีรีส์แรก
พร้อมกันนี้ “หวังนิน” POP MART ยังได้ให้คำมั่นสัญญากับ “เคนนี วอง” อีกด้วยว่า น้อง Molly จะถูกออกวางจำหน่ายภายใต้กลยุทธ์ใหม่ เช่นเดียวกับบรรดาศิลปินที่ปรับตัวเองให้เข้ากับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมดนตรี นั่นคือ…น้อง Molly จะไม่ได้เป็นเพียงแค่ “ตุ๊กตาธรรมดาๆ”
โดยสิ่งแรกที่จะต้องทำคือ ย่อส่วน น้อง Molly ให้เล็กลง และมีราคาที่คนทั่วไปเอื้อมถึง จากนั้นก็เริ่มเพิ่มวิธีการที่สร้างความน่าสนใจให้กับผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง ก่อนจะนำไปวางจำหน่ายในตำแหน่งที่ดีที่สุดของห้างสรรพสินค้าใจกลางเมือง เพื่อให้คนทั่วๆ ไปสามารถเข้าถึง และรู้จักน้อง Molly ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้! popmart thailand
และในที่สุดการลงทุน และการวางกลยุทธ์ที่ว่านั้นก็บังเกิดผล เมื่อน้อง Molly ซีรีส์แรกที่มีทั้งหมด 12 ตัว ซึ่งจำหน่ายยกกล่องในราคา 708 หยวน (3,474 บาท) และมีจำนวนเพียง 200 ชุด ถูกจำหน่ายหมดเกลี้ยงภายในเวลาเพียงแค่ 4 วินาที! เท่านั้น